วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ทางเลือก

2             

6 ปีที่แล้ว ผมจำได้ว่าไปตะโกนบอกฝรั่งที่สอนภาษาอังกฤษว่า Merry Christmas!!! ... อาจารย์เค้าก็ทำหน้างงๆ แล้วก็สอนต่อไป เพื่อนสนิทผมที่เป็นมุสลิมก็หันมาถามผม ประมาณว่าด่า มึงจะไปพูดอย่างนั้นทำไม มึงเป็นพุทธไม่ใช่หรอ... ผมคิดในใจ  เออ เป็นพุทธ แล้วกูจะพูดไม่ได้หรือไง

                เวลาผ่านไปไม่นานนัก วันตรุษจีนปีต่อมา ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ขณะนั่งรออาจารย์คาบต่อไปมาสอน จำวิชาไม่ได้  แล้วอาจารย์ก็เดินเข้ามา พร้อมกับพูดคำแรกว่า ซิงเจียยู่อี่ ซิงนี้ฮวดไช้ อาจารย์คนนี้เป็นคนไทยแท้ๆ ไม่มีเม็ดเลือดแดงเซลล์ไหนมาจากประเทศจีนแน่ๆ ผมเอง ซึ่งแน่นอนว่าสำเหนียกตัวเองว่ามีความเป็นจีนอยู่มากพอเหมือนกัน จึงเริ่มเข้าใจ ว่าไอที่เราไปตะโกน Merry Christmas มันจะทำให้รู้สึกอย่างไร

                ไม่ได้กีนกันอะไรทางวัฒนธรรม ไม่ได้คิดจะบอกว่าคุณไม่มีสิทธ์ และผมไม่ปฏิเสธว่าเทศกาลคริสต์มาส เป็นอีกเทศกาลที่ทำให้พื้นที่หลายๆแห่งฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุข ไม่แพ้วันปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

แต่ปัจจุบันเราแทบจะ “มั่ว” ไปกับทุกสถานการณ์ ทุกเชื้อชาติ ศาสนา ทุกวัฒนธรรม บางทีผมแอบกลัวว่า อีก 50 ปีข้งหน้า เราจะมีอะไรไปบอกกับลูกหลานเราว่า นี่แหละคือวัฒนธรรมไทย และก็ถามจริงๆเถอะ เราเองก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ

 

1

ผมไม่ได้นับถือศาสนาอะไร  ผมไม่มีศาสนา

หลายคนได้ยินแล้วหันกลับมาถามผมซ้ำว่าหมายความว่าอะไร หลายคนสงสัย และบางคนทำสีหน้าหวาดกลัวเจือกังวลออกมาก่อนที่จะห้ามได้ ไม่แปลกที่เป็นอย่างนั้น เพราะทางที่ผมเลือกเดินไม่ใช่หนทางที่คนส่วนใหญ่ถูกบังคับให้เดิน

ผมไม่ได้พยายามที่จะทำตัวแตกต่าง ไม่ได้อยากที่จะแปลกกว่าคนอื่นมากนัก

ทำไมถึงไม่มีศาสนา? ผมถามกลับทุกครั้งว่า ทำไมต้องมีศาสนา? ผมใม่ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวอื่นใดนอกจากสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่า อภิวัฒน์   ไชยวัฒน์ คนนี้ และผมมั่นใจว่าผมรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว และเป็นคนดีด้วยตัวเองได้

เราทุกคนถูกบังคับเลือกศาสนามาตั้งแต่เกิด ก่อนจะเกิดด้วยซ้ำ คงไม่มีพ่อแม่คู่ไหนที่เป็นพุทธ แล้วพอลูกคลอดออกมาก็ถามว่า “ลูกอยากนับถือฮินดูมั้ยจ๊ะ” แต่ทุกวันนี้เราเลือกได้ เรามีสิทธ์ที่จะเชื่อ ศรัทธา หรือละทิ้งศรัทธา

 

3

                ผมเห็นชาวพุทธจำนวนมากที่ไหว้เจ้าแม่กวนอิม เจ่าพ่อเห้งเจีย ศาลตายาย ท้าวศรีมหาพรหม พระแม่อุมาเทวี พระพิฆเนศ พระราหู และอื่นๆอีกมากมายที่จะไหว้ได้ แม้กระทั่ง ปลัดขิก...

                ผมเห็นชาวพุทธอีกมากมายเช่าพระเครื่องราคาแพงๆ พยายามหาวัตถุกลมๆใหญ่ๆมาห้อย แถมต้องสะสมให้ครบรุ่น รุ่นนี้ใส่แล้วเพิ่มออพชั่นนี้ รุ่นนั้นใส่แล้วเพิ่มออพชั่นนั้น ใส่แล้วรวย มหาเศรษฐี มีโชคมีลาภ นี่หรือคือผมตอบแทนของศรัทธา เพราะต้องการออพชั่นพวกนี้หรอกหรือ

                อย่างที่ได้บอกไปในครั้งที่แล้ว โลกนี้ยังมีอะไรให้คิด ให้ลึก อีกมากมาย อย่าให้อะไรๆมาบดบังความจริง เปิดหู เปิดตา เปิดสมอง มองโลกให้ลึกซึ้ง มองโลกให้เข้าใจ แล้วทุกขณะของชีวิต จะมีอะไรให้คิดอีกเยอะ

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ตาสว่าง....ซะทีเถอะ

ผมเคยอ่านบทความจำพวกทายนิสัยหรือดูดาวจากราศีที่ตัวเองเกิด จริงๆแล้วเมื่อก่อนผมชอบอ่านเลยทีเดียว แต่ไม่ได้อ่านมานานมากแล้ว วันนี้บังเอิญได้มาพบอะไรพวกนี้อีกครั้ง ก็เลยเก็บมาคิดดูเล่นๆว่าเราทายนิสัยคนจากราศีได้จริงๆหรอ

        จริงๆแล้ว ราศีเกิดจากชื่อกลุ่มดาวประจำเดือนทั้ง 12 เดือน เช่นกลุ่มดาวธนู(ราศีธนู) กลุ่มดาวแกะ(ราศีเมษ) เป็นต้น  แน่นอนว่ากลุ่มดาวนั้นประกอบด้วยดาวหลายๆๆๆดวงที่ส่องแสงสว่างไม่เท่ากัน ดาวที่สว่างมากๆในกลุ่มดาวจะเป็นดาวที่สังเกตได้ง่าย และมีเป็นจุดที่ทำให้มนุษย์บนโลก จินตนาการรูปร่างของกลุ่มดาว ตามดาวที่สว่างๆพวกนั้น (คุณคงไม่คิดว่ามีแกะถือธนูลองอยู่บนอวกาศจริงๆหรอกนะครับ)

       การที่ดาวดวงหนึ่งจะสว่างมากกว่าดาวข้างเคียงนั้นคงเป็นเพราะอยู๋ใกล้กับโลกมากกว่าและมีพลังงานสูงกว่า คงไม่ได้สว่างเพราะดาวแต่ละดวงตกลงกันให้ซักดวงสว่างจ้าชึ้นมา สรุปแล้วที่เรามองเห็นกลุ่มดาวเป็นรูปร่างอะไรนั่นก็เป็นเพราะดาวแต่ละดวงสว่างไมเท่ากัน แล้วที่ดาวแต่ละดางสว่างไม่เท่ากันก็เพราะมันอยู่ห่างจากโลกไม่เท่ากัน

       อย่างที่บอกไปแล้วว่าเมื่อมนุษย์ สิ่งมีชีวิตที่ช่างสงสัยที่สุดในโลก ได้มองขึ้นไปมองบนฟ้า ก็เลยจินตนาการ(มั่ว)รูปร่างของกลุ่มดาวโดย ดูจากดาวที่สว่างๆแต่ละดวงเป็นหลัก เท่านี้เราก็ได้กลุ่มดาวจักรราศีซึ่งเป็นกลุ่มดาวประจำเดือนแต่ละเดือน...

       เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงเมื่อไรไม่ทราบ ได้เกิดการนำกลุ่มดาวเหล่านี้มาอ้างอิงถึงกลุ่มคนที่เกิดในเดือนแต่ละเดือนที่กลุ่มดาวแต่ละกลุ่มประจำอยู่ นั่นล่ะถึงเกิดการทายนิสัยคนจากราศีขึ้น

       ลักษณะการทายนิสัยเช่น ราศีธนู

-ธนูต้องง้างก่อนยิงแล้วถ้าง้างแล้วเก็บไม่ได้  -คนราศีธนูก็เลยเป็นคนเผด็จการ เอาแต่ใจ

-ธนูเมื่อยิงไปแล้วจะต้องโดนเป้า ไม่มีเฉ    -คนราศีธนูจึงเป็นคนแน่วแน่ เอาจริงเอาจัง 

 (ทายกันอย่างนี้เลยแหละ เอากันอย่างนี้เลยจริงๆ)

       เอาเป็นว่าถ้าผมเป็นคนที่ตั้งราศีธนูขึ้นแต่ผมไม่ได้มองมันเป็นธนู แต่กลับมองว่าเป็นก้อนเค้กก้อนใหญ่ๆ และตั้งชื่อว่าราศีขนมปัง คนในราศีนี้ก็จะเปลี่ยนนิสัยจากีที่เคยเอาจริงเอาจัง มีจุดประสงค์แน่วแน่ กลายเป้นคนนุ่มนิ่ม น่ากิน ไปในทันที 

หากลองคิดๆดูในบทความพวกดูดวงหรือทายนิสัยต่างๆมากมาย เราจะพบอะไรแปลกๆและน่าตลกอยู่หลายจุด และหากเราพิจารณาถึงความเชื่อหรือกฎระเบียบที่เราเคยเชื่อหรือปฏิบัติตามคุณจะพบข้อสงสัยมากมายรวมไปถึงอารมณ์ที่รู้สึกว่า ทำไมมันช่างงี่เง่าอะไรเช่นนี้!!

       ผมเชื่อว่าโลกใบนี้มีอะไรให้เรามอง ให้เราคิด ให้เราค้นหา ให้เราสงสัยมากมาย แต่ขณะนี้ทุกคนกำลังถูกหลายๆสิ่งในสังคมโลกปิดหูปิดตา ทั้งการศึกษา เศรษฐกิจ สภาพสังคมที่เร่งรีบ ปัญหาจราจรหรือ แม้กระทั่งหลักธรรมในศาสนา  เราถูกฝังความคิดอะไรๆมามากมายโดยที่เราไม่รู้ตัวและไม่คิดที่จะหยุดคิดไตร่ตรองวถึงเหตุผลของมัน

       เอาล่ะ..ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณจะต้องลืมตาขึ้นมาดูโลกซะที แล้วคุณจะมองโลกอย่างที่ควรจะเห็น คุณจะพบสิ่งที่ควรจะพบ และถ้าคุณรู้สึกอย่างนั้นเมื่อไร อย่าลืมบอกกันด้วยนะ....